

บลจ.อเบอร์ดีน มองตลาดหุ้นเกิดใหม่ยังเด่น ชู 3 ธีมลงทุน
นางสาวพฤกษา เอี่ยมธงทอง
Deputy Head of Equities – Asia Pacific, Asian Equities, abrdn Asia Limited เปิดเผยว่า "อเบอร์ดีน" ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ
"ตลาดหุ้นเกิดใหม่" (Emerging Market)
จากปัจจัยหนุนเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัว
รัฐบาลจีนปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งล่าสุดและคาดว่ามีแนวโน้มจะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม เพื่อชดเชยกับแรงกดดันในประเทศจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์และเงินเฟ้อยังอยู่ระดับต่ำ
ส่วนนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยกดดันในภูมิภาคนี้ หลังเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามขึ้นภาษี
นำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก
และแคนาดา 25% และขึ้นภาษีสินค้าจากจีน 10% ซึ่งการที่ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนในระดับดังกล่าวยังคงต่ำกว่าที่เขาประกาศไว้ตอนรณรงค์หาเสียงซึ่ง "อเบอร์ดีน" มองว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การเจรจาของทรัมป์มากกว่า เรามองว่าหากทรัมป์จะปรับขึ้นภาษีศุลกากรต่อจีนเป็น 60%
น่าจะอยู่ในสินค้าที่เป็นเป้าหมาย
ในสงครามการค้าครั้งก่อน ขณะที่สินค้าบางประเภทอาจน้อยกว่า ซึ่งบริษัทในจีนเองก็ยังรอความชัดเจนเพื่อจะได้ปรับซัพพลายเชน
สำหรับแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS)
ในเอเชีย "อเบอร์ดีน" คาดการณ์ EPS เติบโตได้ค่อนข้างดีประมาณ 10-12% ในปีนี้ โดยจีนเติบโต 11-14%
ยังไม่รวมผลกระทบจากภาษี ส่วนอินเดียคาดเติบโต 16% เป็นต้น ขณะที่ Valuation ตลาดหุ้นเอเชีย Discount กับตลาดหุ้นโลกเมื่อเทียบกับ MSCI World มากกว่า 30% ซึ่งใกล้เคียงระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี จึงมองว่าราคาหุ้น
ในปัจจุบันน่าสนใจ
สำหรับธีมลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย ที่มองเห็นโอกาสลงทุนจาก 3 ธีม ได้แก่ 1.Innovation, 2.Globalisation 3.0 และ 3.New Consumption ซึ่งธีมแรก
เรื่องของนวัตกรรม Tech และ AI แม้ว่าการเปิดตัวของ DeepSeek จะสร้างแรงกดดันต่อตลาด
ในระยะสั้น ทําให้เกิดข้อสงสัยในระยะสั้นเกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เนื่องจากการพัฒนาโมเดล AI ใหม่ใช้ทรัพยากร
ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะทำให้บริษัทใหญ่ ๆ ในสหรัฐฯ
อาจต้องทบทวนเม็ดเงินลงทุนในการพัฒนา AI ใหม่ อย่างไรก็ตามเรามองว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบที่แท้จริง เพราะยังมีหลายปัจจัย
ที่เรายังคงต้องติดตามต่อไป
ทั้งนี้สิ่งที่อเบอร์ดีนสังเกตุเห็นคือ
บริษัทอินเทอร์เน็ตชั้นนำของสหรัฐฯ
ยังคงใช้เงินลงทุน (capex) ที่สูงสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI อย่างต่อเนื่อง หลังจาก
มีการเปิดตัว DeepSeek โดยคาดว่าค่าใช้จ่าย
ในการพัฒนาอาจลดลง และด้วยต้นทุนที่ลดลง
จะเร่งให้เกิดการนำเอา AI มาใช้ในวงกว้างมากขึ้น ทั้งนี้ อเบอร์ดีนยังคงระมัดระวังในการเลือกลงทุน
ในกลุ่มเทคโนโลยีมากขึ้น โดยในไตรมาส 4
ที่ผ่านมาเรามีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนลงเล็กน้อยในกลุ่มฮาร์ดแวร์และเซมิคอนดักเตอร์
จากปัจจัยเสี่ยงกรณีความไม่แน่นอนของ
นโยบายภาษี อีกทั้งความเสี่ยงที่อาจเพิ่มขึ้น
จากการปรับลดเงินลงทุน
2.Globalisation 3.0 สานต่อจาก Globalisation 2.0 ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากความตื่นตระหนกของห่วงโซ่อุปทานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งในรอบนี้ต้องติดตามดูว่าจะเปลี่ยนไปด้านไหน
ขึ้นอยู่กับนโยบายภาษีของทรัมป์ แต่คาดว่าการกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทาน
(Supply Chain Diversification)
จะเกิดขึ้นเร็วและครอบคลุมมากขึ้นในหลายอุตสาหกรรม
3.New Consumption รูปแบบการบริโภคใหม่
บ่งชี้ว่าผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายน้อยลง ซึ่งเริ่มเห็นการเติบโตจากจีนและอินเดีย อย่าง Meituan อยู่ในแถวหน้า
ของเทรนด์นี้ นำเสนอบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่
ซึ่งรวมถึงชานมไข่มุกที่ส่งโดยโดรนที่
กำแพงเมืองจีน เช่นเดียวกับอินเดีย
สินค้าหลายแบรนด์เติบโตอย่างรวดเร็ว
สามารถจัดส่งคำสั่งซื้อได้ภายใน 10 นาที
แม้จะมีปัญหาการจราจร ซึ่งส่งผลให้เกิด
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย
ในเมืองต่างๆ ของอินเดีย
ทางด้านจำนวนนักท่องเที่ยวก็เติบโตชัดเจนในจีน ทำให้ TRIP.COM เติบโตได้ในระดับสูงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังอ่อนแอ ขณะที่อินเดีย
อย่าง Indian Hotels ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทด้านการบริการที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ก็เติบโตต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้ม Fund Flow ที่คาดหวังจะไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชีย ยังคงต้องรอดูความชัดเจนนโยบายภาษีทรัมป์ว่าจะส่งผลกระทบต่อเอเชียมากน้อยแค่ไหน ซึ่งนักลงทุนเริ่มมองหาทางเลือกลงทุนหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนราคาค่อนข้างแพง ซึ่งตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียก็เป็นหนึ่งในทางเลือก เมื่อนโยบายภาษี
มีความชัดเจนขึ้นและมีผลต่อภาพรวมตลาด
โดยคาดว่าจะเริ่มเห็น Fund Flow
ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย
สำหรับกองทุนแนะนำของอเบอร์ดีน ได้แก่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ (ABAPAC) ความเสี่ยงระดับ 6โดยกองทุนนี้ลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ
ชื่อ abrdn Pacific Equity Fund
โดยกองทุนหลักจะลงทุนบริษัท
ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค
แต่ไม่ครอบคลุมถึงประเทศญี่ปุ่น
โดยกองทุนนี้เปิดโอกาสการลงทุนในภูมิภาค
ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน การขยายตัวของสังคมเมือง และความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นจากการ
ที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น